รับชมภาพยนตร์สั้นฉบับเต็มได้ที่นี้ คลิกเลย

เนื้อหาสั้น

พวกเราทีมงานได้รับมอบหมายให้ไปถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับประเพณีบุญข้าวสากที่จังหวัดสกลนคร ตั้งใจเพียงเก็บข้อมูล สัมภาษณ์ และศึกษาวิถีชาวบ้าน แต่เมื่อไปถึงที่นั่น เราได้พบกับ "น้องกร" เด็กหนุ่มใจดีที่กลายเป็นคนสำคัญในการพาพวกเราไปรู้จักกับวัด สถานที่ และผู้คนที่เกี่ยวข้องกับประเพณีนี้ ทั้งยังช่วยเป็นสะพานเชื่อมให้เราได้รู้จักกับเพื่อนของเขาอีกสองคนคือ นพ และก้อย ซึ่งภายหลัง… จากที่เคยคิดว่าจะมาถ่ายงานแค่ไม่กี่วัน แล้วเก็บของกลับ กลับมีบางอย่างเกิดขึ้นที่ทำให้เราตัดสินใจ "อยู่ต่อ" และเข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องราวที่ลึกเกินกว่าคำว่า "สารคดี"

บุญข้าวประดับดิน

วันแรม 14 ค่ำ เดือน 9

“บุญข้าวประดับดิน” เป็นประเพณีทำบุญเพื่อ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยเฉพาะ สัมภเวสี เปรต และสัตว์นรก ซึ่งไม่มีญาติหรือไม่มีใครทำบุญอุทิศให้ โดยชาวอีสานเชื่อว่าในวันนี้ วิญญาณเหล่านั้นจะได้รับอนุญาตให้ขึ้นมารับส่วนบุญที่ลูกหลานทำไว้ และจะช่วยให้พวกเขาได้รับความสงบพ้นจากความหิวโหยทุกข์ทรมาน

มีรากฐานจากนิทานธรรมบทในพุทธศาสนา ซึ่งเล่าถึงพระเจ้าพิมพิสาร แห่งแคว้นมคธ ซึ่งเคยมีพระญาติคนหนึ่งที่เคยลักทรัพย์จากวัด เมื่อสิ้นชีวิตไปก็ไปเกิดเป็นเปรต ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะไม่มีใครทำบุญอุทิศไปให้ วันหนึ่งพระเจ้าพิมพิสารได้ยินเสียงโหยหวนของเปรตใกล้พระราชวัง จึงทูลถามพระพุทธเจ้าและทราบว่าเป็นเสียงของญาติผู้ล่วงลับของพระองค์

เมื่อพระเจ้าพิมพิสารทรงทำบุญและ อุทิศส่วนกุศลโดยเจตนา เสียงโหยหวนก็เงียบลง เป็นที่มาของความเชื่อเรื่อง การอุทิศส่วนกุศลอย่างเจาะจงให้ถึงดวงวิญญาณ และกลายเป็นต้นกำเนิดของ “บุญข้าวประดับดิน”

พิธีกรรม

ช่วงเช้ามืด

ชาวบ้านจะห่อข้าว พร้อมหมาก พลู บุหรี่ ขนมพื้นบ้าน หรือของกินง่ายๆ ใส่ในภาชนะเล็กๆนำไปวาง “ประดับ” ไว้ตามพื้นดิน ตามโคนไม้ หรือบริเวณวัดจุดธูป 1 ดอก แล้วกล่าวคำอุทิศส่วนบุญ เชิญดวงวิญญาณให้มารับอาหารหลังจากนั้นจึงนำภัตตาหารไปถวายพระตามปกติ

ความเชื่อท้องถิ่น

วิญญาณที่ไม่มีญาติจะได้อาศัยบุญนี้เป็นทางพ้นทุกข์หากทำบุญครบถ้วนในเดือนนี้ วิญญาณของบรรพบุรุษจะได้รับบุญเต็มที่และช่วยส่งผลดีให้กับลูกหลานด้วยเป็นการสร้างความกตัญญู และเสริมสายใยของครอบครัว

บุญข้าวสาก

วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10


ความหมายและวัตถุประสงค์

“บุญข้าวสาก” เป็นการทำบุญเพื่อ อุทิศให้กับญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย หรือผู้มีพระคุณทั้งหลาย เป็นการแสดงความกตัญญูอย่างสูง และเป็นโอกาสสำคัญที่ลูกหลานจะรวมตัวกันทำบุญร่วมกันคำว่า “สาก” ในภาษาถิ่น หมายถึง รวมกัน, พร้อมเพรียง, การแบ่งปัน สะท้อนถึงความสามัคคีในการทำบุญร่วมกัน

การเตรียมเครื่องไทยทาน

สํารับอาหาร จะใส่ข้าวเหนียว อาหารพื้นบ้าน เช่น ปลาย่าง เนื้อย่าง แจ่วบอง ผักต้มห่อข้าวเล็กๆ แยกต่างหากสำหรับอุทิศให้ผู้ล่วงลับบางบ้านใส่หมาก พลู บุหรี่ ขนมพื้นบ้าน หรือเงินเหรียญตามความเชื่อมีการเขียนชื่อเจ้าภาพไว้ที่ห่อเพื่อใช้ในการ จับสลากภัต

พิธีกรรม

ช่วงเช้า

นำอาหารไปถวายพระสงฆ์ที่วัด


ช่วงสาย
(9:00 – 10:00 น.)

พระสงฆ์ตีกลองโฮมเรียกชาวบ้าน
ญาติโยมนำห่อข้าวและของไทยทานมาตั้งเรียงไว้
หัวหน้าพิธีกล่าวนำคำถวายสลากภัต
พระสงฆ์และสามเณรจับสลากห่อข้าว หากได้ชื่อของใคร เจ้าภาพจะนำอาหารและของถวายไปประเคนให้พระรูปนั้น

หลังฉันเพล

พระสงฆ์ให้พร ญาติโยมรับพรแล้วกรวดน้ำ อุทิศบุญให้ผู้ล่วงลับ
แล้วนำห่อข้าวสากไปวางไว้รอบวัด จุดเทียนและเรียกดวงวิญญาณให้มารับบุญ
นำอาหารไปเลี้ยง “ตาแฮก” หรือผีที่ดูแลที่นา เพื่อขอบคุณในผลผลิตและความอุดมสมบูรณ์

ความเชื่อและคุณค่าทางสังคม

เชื่อว่าผู้ล่วงลับจะได้รับบุญและสามารถช่วยคุ้มครองลูกหลาน เป็นการฟื้นฟูสายสัมพันธ์ระหว่างคนเป็นกับผู้ตาย ส่งเสริมความสามัคคีในชุมชน และเป็นวันรวมญาติที่ทุกบ้านร่วมแรงร่วมใจกัน

นักแสดง




ผู้กำกับ

นายมารวย ทั่งทอง

นักศึกษา

คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาการแสดง

มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

กร

นายธนพัตร กานุสนธ์

นักศึกษา

คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาการเเสดง

มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

นพ

นายภคัวต สุขเจริญ

นักศึกษา

คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาทัศนศิลป์

มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

ก้อย

นางสาวธิดารัตน์ เวียงสมุทร

นักศึกษา

วิทยาการจัดการ สาขาโลจิสติกส์

มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

พี่สาวของกร

นางสาวภัทรมน แร่เพชร

นักศึกษา

วิทยาการจัดการ สาขาโลจิสติกส

มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร